ดช.10ขวบดีใจได้บ้านใหม่..ไม่ต้องนอนในห้องน้ำ ยอดเงินบริจาคทะลุ 7 แสนแล้ว(คลิป)

loading...

จากกรณีพบ ด.ช.นพรัตน์ ทรัพย์มีนา หรือน้องทน อายุ 10 ปี นักเรียนชั้น ป.5 ร.ร.ชุมชนวัดระโสม อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ต้องอาศัยหลับนอนในห้องน้ำสังกะสี เนื่องจากบ้านมีสภาพผุพังจากพายุฝน ทำให้หลังคามีรอยรั่วและไม่คุ้มฝน

 ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีหน่วยงานราชการหลายหน่วยงาน รวมถึงภาคเอกชนทยอยเข้าช่วยเหลือสร้างที่พักหลังใหม่ที่มีห้องน้ำในตัว ที่แข็งแรงและสะดวกสบาย พร้อมติดตั้งระบบน้ำประปาให้ครอบครัวของด.ช.นพรัตน์สามารถใช้ได้สะดวกยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีผู้ทยอยเข้ามอบทุนการศึกษา พร้อมอุปกรณ์ที่ขาดเหลือ และร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือครอบครัวด.ช.นพรัตน์ เป็นจำนวนมาก

loading...

 นายสิน ทรัพย์มีนา อายุ 43 ปี พ่อของด.ช.นพรัตน์ เล่าว่า บ้านหลังเดิมสร้างมาแล้ว 10 กว่าปีก็ทรุดโทรม ถูกปลวกกิน แต่ก็คอยซ่อมแซมมาตลอด จนถูกพายุฝนเมื่อ 3 ปีที่แล้วพัดใส่ ทำให้บ้านผุพังจนไม่สามารถซ่อมแซมเองได้ เมื่อฝนตกหลังคารั่วก็ไม่สามารถนอนในบ้านได้ ต้องให้ลูกและภรรยาเข้าไปนอนในห้องน้ำ ส่วนตนนั่งตากฝนเฝ้าอยู่หน้าห้องน้ำ เพราะกลัวงูจะโผล่มาทำอันตราย แต่ไม่ได้ไปร้องขอความช่วยเหลือจากใคร เพราะเกรงใจ โดยตนและภรรยาทำงานรับจ้างทั่วไป เช่น ทำสวน ทาสีบ้าน เป็นต้น ได้ค่าแรงคนละ 100 กว่าบาทต่อวัน

 นายสิน กล่าวต่อว่า เดิมทีบ้านมีไฟฟ้าใช้ตามปกติแต่ไม่มีน้ำประปา ต้องอาศัยน้ำบ่อน้ำคูแทน ถ้าน้ำขุ่นก็เอาสารส้มแกว่งให้ใส เพื่อใช้อาบน้ำ ซักผ้า ล้างจาน หากน้ำในบ่อแห้งก็ต้องไปหาบน้ำจากปลายสวนมาเก็บไว้ ส่วนน้ำดื่มก็ใช้ตุ่มรองน้ำฝน โดยลูกเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย เชื่อฟังพ่อแม่ เวลาว่างจากการเรียนก็จะช่วยเหลือทำงานบ้าน ไม่ไปวิ่งเล่นอย่างเด็กคนอื่น ส่วนตัวสอนลูกอยู่เสมอว่าให้ตั้งใจเรียน ตนตั้งใจจะส่งลูกให้เรียนหนังสือให้สูงที่สุด อย่างน้อยก็ต้องจบ ม.6 และที่สำคัญคือห้ามยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเด็ดขาด หากรู้ว่าเข้าไปพัวพันก็จะจับส่งตำรวจทันที สำหรับตนตอนนี้ก็จะทำมาหากินไปเรื่อยๆ ไม่ท้อถอย แม้ตอนนี้จะมีผู้เข้ามาช่วยเหลือมากมาย แต่ไม่ขอเรียกร้องอะไร

 ด.ช.นพรัตน์ ทรัพย์มีนา เล่าว่า เวลาเดินทางไปร.ร.พ่อจะขี่รถจยย.เก่าๆ ไปส่ง บางวันถ้าฝนตกหนัก น้ำท่วมทางเข้าออกบ้าน พ่อจะอุ้มพาเดินไปตามทางคันนาเพื่อพาไปส่งที่ร.ร. ได้รับเงินไปร.ร.วันละ 20 บาท เอาไว้ซื้อขนม ส่วนอาหารกลางวันที่ร.ร.มีจัดเตรียมไว้ให้ ก่อนหน้านี้มีชุดนร.สลับใส่แค่ 2 ชุด แต่เมื่อมีผู้บริจาคเงินมาก็นำไปซื้อชุดนร.เพิ่มเติมจนพอใส่แต่ละวัน ในอนาคตอยากเป็นทหาร และขอขอบคุณทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือ

loading...

 น.ส.ลลิตา ปิ่นทอง อายุ 29 ปี ครูประจำชั้นด.ช.นพรัตน์ เล่าว่า ผอ.ให้มาสำรวจบ้านนร.เกี่ยวกับการจัดสรรให้การศึกษา โดยครูประจำชั้นจะเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสม หลังมาเห็นบ้านของด.ช.นพรัตน์ที่ผุพังจากพายุฝน จึงแจ้งผอ.และปรึกษาหาทางระดมทุนเพื่อให้ความช่วยเหลือครอบครัวนี้ ตนจึงโพสต์ลงบนเฟซบุ๊ก เจตนาเพื่อหาผู้เมตตามาร่วมให้ความช่วยเหลือ ไม่คิดว่าเรื่องดังกล่าวจะถูกแพร่ขยายจนกลายเป็นข่าว โดยด.ช.นพรัตน์เป็นเด็กร่าเริง เข้ากับเพื่อนได้ดี จะมีปัญหาเพียงแค่การบกพร่องทางการเรียนรู้ที่จะเรียนรู้ด้านการเรียนได้ช้ากว่าเด็กวัยเดียวกัน

 นายปฏิญญา ไตรพรหม ผอ.ร.ร.ชุมชนวัดระโสม เล่าว่า พ่อของด.ช.นพรัตน์ เป็นลูกศิษย์ของตนมาตั้งแต่สมัยประถม มีโอกาสก็จะคอยช่วยเหลือมาโดยตลอด เพราะรู้ว่าครอบครัวนี้ลำบาก วันหนึ่งเดินทางมาเยี่ยมบ้านเด็กที่ถูกไฟไหม้ นายสินได้บอกกับตนว่า บ้านของผมยิ่งกว่าบ้านที่ถูกไฟไหม้อีกนะ ประกอบกับเรื่องทุนการศึกษาที่ต้องพิจารณาความเป็นอยู่ จึงให้ครูประจำชั้นของด.ช.นพรัตน์เดินทางมาตรวจสอบ พบว่าบ้านผุพังมาก หลังพูดคุยกับครูประจำชั้น ตนได้ส่งเรื่องไปให้สำนักงานเขตพื้นที่ แต่สำนักงานเขตพื้นที่แจ้งว่าต้องไปขอจากผู้มีจิตศรัทธาเรื่องการบริจาคทุนสร้างบ้านให้เด็ก ครูจึงเสนอให้โพสต์ลงโซเชียลเพื่อหาผู้มีจิตศรัทธาช่วยเหลือ โดยนายธวัลวิทย์ คงสมฤทธิ์ กำนัน ต.ระโสม ได้เดินทางมาตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือการก่อสร้างบ้าน

 ผอ.ร.ร.ชุมชนวัดระโสม กล่าวต่อว่า ล่าสุดตอนนี้เงินในบัญชีที่เปิดเพื่อรับบริจาคเงินจากผู้มีจิตศรัทธาอยู่ที่ 5 แสนกว่าบาท ส่วนหนึ่งแบ่งเป็นทุนการศึกษา อีกส่วนเป็นทุนค่าอุปกรณ์เกี่ยวกับบ้านที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ ซึ่งสำนักเขตพื้นที่ได้ส่งกรมส่งเสริมเข้ามาดูแลส่วนที่ยังขาดเหลือ เบื้องต้นสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอยุธยา เขต 1 มอบทุนการศึกษา 5 พันบาท และจะซื้ออุปกรณ์เครื่องใช้มาเพิ่ม 1 หมื่นบาท ส่วนเงินที่ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคมา ขณะนี้เปิดบัญชีเป็นชื่อด.ช.นพรัตน์ ตนคาดว่าจะให้กำนันเป็นปธ. และมีคณะกรรมการคอยควบคุมดูแลให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค โดยคนที่มีสิทธิ์เบิกจ่ายคือด.ช.นพรัตน์เท่านั้น ตนกับครูประจำชั้นจะดำเนินการอย่างโปร่งใสเพื่อไม่ให้สังคมเกิดข้อสงสัย

loading...

ที่มา: http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1465902926